แผ่วปลาย! เมื่อโอกาสลุ้นแชมป์ของ ทรู แบงค็อก แทบจะเท่ากับศูนย์
หลังจากผ่านสัปดาห์ที่ 20 ไป เราอาจเรียกได้ว่าพอจะเห็นหน้าของทีมที่จะคว้าแชมป์ ไทยลีก ในฤดูกาลนี้ได้แล้ว แม้ว่าในทางทฤษฎี จะเหลือเส้นทางอีกยาวไกล แต่เกมสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา อาจกลายเป็นเกมดับความหวังของผู้แพ้ไปแล้วก็เป็นได้
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จ่าฝูง เปิดบ้าน ช้าง อารีน่า เจอกับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด คือเกมที่เราจะเอ่ยถึง เกมซุปเปอร์บิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์ที่ผ่านมา เกมที่จะเป็นหนึ่งนัดตัดสินแชมป์ของฤดูกาล และมันก็จบลงด้วยชัยชนะของเจ้าบ้าน แบบสุดมัน 3-2
ก่อนเกม ‘ปราสาทสายฟ้า’ มีคะแนนนำอยู่ 3 แต้ม แต่แข่งมากกว่า ‘แข้งเทพ’ อยู่หนึ่งนัด หมายความว่าทั้งคู่ยังกลับมาเสมอกันได้ แต่ประเด็นสำคัญคือ ไทยลีก เลือกใช้ระบบการจัดอันดับแบบ เฮด-ทู-เฮด และในการเจอกันเลกแรกเป็น ทีมจากแดนอีสาน เก็บชัยชนะไปได้ ทำให้ แบงค็อก ต้องชนะเพียงสถานเดียว เพื่อให้ทุกอย่างเท่ากัน และไปลุ้นกันด้วยเหตุปัจจัยอื่นๆ หากท้ายฤดูกาลจบลงด้วยคะแนนเท่ากัน
ทีมจากแดนปทุมฯ ออกนำก่อนตั้ง 2-0 แต่พวกเขาไม่สามารถปิดเกมได้ และฟอร์มการเล่นก็แผ่วลงเรื่อยๆ จนมาโดนประตูตีไข่แตกในช่วงท้ายครึ่งเวลาแรก ซึ่งกลายเป็นประตูความหวังในการกลับมาของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
จากประตูปลุกความหวัง กลายเป็นแรกผลักดันในครึ่งเวลาหลังส่งให้ แชมป์เก่ากระหน่ำโหมบุกใส่ ทั้งๆ ที่ตัวผู้เล่นเท่ากัน แต่เหมือนว่า บุรีรัมย์ มีคนเยอะกว่า บียู ได้ครองบอลไม่กี่จังหวะก็เสียบอลให้เจ้าบ้านบุกคืน จนกลายเป็น 2 ประตูแซงเอาชนะในครึ่งเวลาหลังได้ในที่สุด
อยากที่เคยบอกไปว่า บุรีรัมย์ กลับมาโชว์ฟอร์มดุดัน และสุดยอด ตั้งแต่ช่วงปลายๆ ครึ่งฤดูกาลแรก พร้อมกับการได้ยอดดาวยิงอย่าง กิลเยร์เม บิสโซลี เข้ามาอีก แม้ว่าจะไปพลาดตกรอบบอลถ้วยแพ้ทีมจาก ไทยลีก 3 แต่ในลีกถ้าเครื่องติดคิดว่าไม่มีอะไรมาหยุดได้
แต่เกิดอะไรขึ้นกับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่รักษาตำแหน่งจ่าฝูงมาได้ตลอดครึ่งทาง
ถ้าให้วิเคราะห์ต้องบอกว่าพวกเขามีโปรแกรมที่หนักหน่วงเกินไป และทีมของพวกเขาก็มีขนาดเล็กเกินไป
ข้อแรก ในปีนี้พวกเขาได้ไปเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก แถมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนกลายเป็นตัวแทนจากประเทศไทย ทีมเดียวที่ผ่านจากรอบแบ่งกลุ่ม ไปสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ แต่ก็เท่ากับว่า จะมีโปรแกรมการแข่งขันเพิ่มขึ้นมาอีก 2 นัดเป็นอย่างน้อย
ไหนจะมีเรื่องการเดินทาง ไหนจะมีการเลื่อนโปรแกรมลีก เพื่อให้ไปเล่นฟุตบอลเอเชีย รวมกับตัวที่ติดทีมชาติอีก ทำให้ผู้เล่นของ ทรู แบงค็อก ค่อนข้างกรอบจากการทำศึกหนัก ซึ่งมันส่งผลต่อไปยังข้อที่ 2
‘แข้งเทพ’ ส่งรายชื่อผู้เล่น 31 คน มีผู้เล่น 6 คนที่ไม่ได้ลงสนามเลย เท่ากับว่าเหลือผู้เล่นที่ใช้จริงๆ 25 คน กับโปรแกรมทั้งหมด 4 ถ้วย และมันก็ตามมาด้วยความแตกต่างกันระหว่างชุดผู้เล่นตัวจริง กับตัวสำรอง
ในแง่การเล่นเกมรับพวกเขามี เอเวอร์ตัน กอนซาเวส จับคู่กับ สุพรรณ ทองสงค์ รวมถึงมี มานูเอล ทอม เบียรห์ ที่ดีพอจะเบียดยืนในตำแหน่งนี้อีกคน ด้านกองกลาง หลังจากที่ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ เจ็บหนัก บียู ก็ทุ่มดึงตัว วีระเทพ ป้อมพันธุ์ เข้ามาแทนได้อย่างไร้ที่ติ
แต่ปัญหาจริงๆ ดูเหมือนจะเป็นแดนหน้า พวกเขามี มาห์มูด เอด คู่กับ วิลเลน โมต้า พร้อมกับรุ่งรัฐ ภูมิจันทึก ที่แท็กทีมกันโชว์ฟอร์มเด่น จนรายหลังมีชื่อขึ้นไปติดทีมชาติไทย ซึ่งทั้ง 3 คนยิงรวมกันไป 30 ประตูในทุกรายการ แต่ตัวที่ทดแทนกลับกลายเป็นเครื่องหมายคำถาม
อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ได้ลงเล่นเพียง 142 นาทีในฤดูกาลนี้ อดิศักดิ์ ไกรษร ที่ดึงเข้ามาก็ดูจะหมดความเฉียบคมลงไปเยอะ และต่างชาติที่เคยแบกทีมอย่าง วานเดอร์ หลุยส์ ก็เพิ่งหายเจ็บหนักกลับมา แต่ฟอร์มก็หายไปตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว โดยเฉพาะในเกมล่าสุดกับ บุรีรัมย์ วานเดอร์ ทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
และเกมรุกก็กลายมาเป็นปัญหาในช่วงหลัง หลังจากที่ 3 สหายตัวหลัก เริ่มกรอบ เริ่มเค้นฟอร์มไม่ขึ้น รวมถึงมีอาการบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ รบกวน ก็ไม่มีแนวรุกตัวแทนที่ก้าวขึ้นมาผลิตสกอร์ได้ สังเกตุจากเกมที่เสมอ สุโขทัย เอฟซี 0-0 โค้ชแบน เลือกที่จะโรเตชั่นนักเตะ และเกมรุกก็ฝืดอย่างเห็นได้ชัด
จะบอกว่าฤดูกาลนี้ของ แบงค็อก ยูไนเต็ด โลภมากเกินไป ก็คงไม่ผิด เพราะพวกเขาหวังที่จะเอาทุกถ้วย เอาทุกรายการ จนเป็นเหตุให้มีโปรแกรมมากเกินไป อย่างในยุโรป หลายทีมก็เลือกที่จะทิ้งฟุตบอลถ้วย ไปโฟกัสในรายการที่สำคัญกว่าอย่างการลุ้นแชมป์ลีก ซึ่งไม่ใช่กับ บียู
ความผิดพลาดที่ไม่อาจตำหนิได้ก็คือ พวกเขาดันทำผลงานได้ดีในฟุตบอลระดับทวีป และมันก็กลายเป็นชะงักติดหลัง ในฐานะตัวแทน ‘ทีมจากไทย’ จนพวกเขาต้องใส่สุดทุกนัด ทั้งๆ ก็รู้อยู่ว่าการประสบความสำเร็จในรายนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย จนลามมากระทบกับฟอร์มการเล่นในรายการอื่นๆ
สุดท้ายแล้วอาจจะเป็นอีกปี ที่พวกเขาแรงต้น แต่แผ่วปลาย จนไม่มีถ้วยมาประดับสโมสรเลยก็เป็นได้
The Lite Team.